Language :Thai (ภาษาไทย)English (United Kingdom)ChineseFrenchJapaneseKoreanRussian


Validate the code with the W3C
Validate the code with the W3C
Link Exchange
น้ำมันมะพร้าวผลิตพลังงาน ไม่ใช่ผลิตไขมัน
Share

energy drink

www.coconut-virgin.com


เมื่อเรากินอาหารเพื่อลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่อง อาหารที่ถูกจำกัดมากที่สุดจะเป็นอาหารพวกที่มีไขมันสูง เพราะเรารู้ว่ามันก่อให้เกิดแคลอรีในปริมาณมาก แต่ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง คือเมื่อมันถูกร่างกายเผาผลาญและใช้งาน มันจะสร้างชั้นไขมันให้กับอวัยวะต่างๆตามร่างกายของเราได้มากที่สุด ไขมันที่พวกเรากินเข้าไปก็คือไขมันที่พวกเรามีอยู่ตามร่างกาย มันไม่ได้หายไปไหน

เมื่อเรากินไขมันเข้าไป มันจะถูกร่างกายเผาผลาญกลายเป็นกรดไขมัน และกลับไปรวมตัวอยู่ที่ก้อนไขมันเล็กๆและโปรตีนที่เรียกว่า Lipoproteins โดยจะถูกส่งเข้ากระแสเลือดซึ่งเป็นที่ที่กรดไขมันถูกสะสมไว้และเข้าไปใน เซลล์ไขมันต่างๆของเรา สารอาหารชนิดอื่นๆ เช่น คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน จะถูกเผาผลาญและใช้เป็นพลังงาน หรือสร้างเนื้อเยื่ออย่างทันทีทันใด ดังนั้นหากเรากินมาก มันหมายถึงคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนที่มากเกินความจำเป็นเหล่านั้นจะถูกเปลี่ยน ให้เป็นไขมันในที่สุด ตราบใดที่พวกเรากินอาหารอย่างพอเหมาะและเพียงพอต่อความจำเป็นของร่างกาย เรื่องไขมันในอาหารก็จะสิ้นสุดเช่นเดียวกับไขมันในเซลล์ของพวกเรา ในระหว่างมื้ออาหาร เมื่อกิจกรรมเคลื่อนไหวต่างๆเป็นไปอย่างรวดเร็วกว่าพลังงานสะสมในร่างกาย หมายความว่าไขมันจะถูกเคลื่อนย้ายออกไปจากแหล่งที่เก็บสะสม และเผาผลาญมันเพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้แก่ร่างกาย 

แต่อย่างไรก็ตาม MCAFs จะถูกย่อยและใช้เป็นประโยชน์ในลักษณะที่แตกต่างออกไป มันจะไม่ถูกรวมใน Lipoprotein และจะไม่แพร่กระจายต่อไปยังกระแสเลือดเหมือนกับไขมันชนิดอื่นๆแต่จะถูกส่งไป ที่ตับโดยตรง ตับเป็นที่ที่มันสามารถถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานได้อย่างทันทีเช่นเดียวกับ คาร์โบไฮเดรต แต่ระหว่าง MCFAs กับคาร์โบไฮเดรตจะแตกต่างกันตรงที่ MCFAs จะไม่เพิ่มระดับน้ำตาลที่เลือด ดังนั้นน้ำมันมะพร้าวจึงปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน น้ำมันมะพร้าวช่วยพวกเขาในการควบคุมความอยากกินน้ำตาล รวมถึงช่วยลดอาการภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อกินน้ำมันมะพร้าว ร่างกายจะเผาผลาญมันและใช้ผลิตเป็นพลังงานอย่างรวดเร็ว ร่างกายจะใช้มากกว่าที่จะสะสมมันให้อยู่ในรูปแบบของไขมัน ยิ่งไปกว่านั้นการวิจัยเกี่ยวกับโภชนาการมากมายได้ระบุว่าทั้งสัตว์และ มนุษย์ที่บริโภค MCFAs แทน LCFAs จะเป็นผลให้น้ำหนักลดลง รวมถึงการสะสมของไขมันตามส่วนต่างๆของร่างกายได้อีกด้วย

การวิจัยเหล่านี้ได้รับการตรวจสอบได้ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ และได้ระบุว่าการแทนที่แหล่งไขมันชนิดเดิมที่ส่วนใหญ่ประกอบไปด้วย LCFAs มาเป็น MCFAs จะช่วยให้อาหารในแต่ละครั้งมีปริมาณแคลอรีในระดับที่ต่ำกว่า ดังนั้น MCFAs สามารถเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ต่อการควบคุมสภาพน้ำหนักและการสะสมของ ไขมัน วิธีที่ง่ายที่สุดและดีที่สุดที่จะแทน LCFAs ด้วย MCFAs ก็คือการใช้น้ำมันมะพร้าวใส่ลงไปในระหว่างการปรุงอาหาร

 

ดเด่

 

ที่มา: The Coconut Oil Miracle โดย Bruce Fife, C.N., N.D. หน้า 91 - 92